งานประติมากรรมที่ทำขึ้นมาจากหินนั้น เป็นหนึ่งความงามที่ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่ง และความอ่อนช้อยเอาไว้ เมื่อสองสิ่งตรงข้ามได้มาผสานกันอย่างลงตัว จึงได้ก่อกำเนิดสุนทรียะที่มากด้วยคุณค่า โดยเฉพาะงานประติมากรรมที่เกิดขึ้นจากหินอ่อน หินธรรมชาติที่มีลวดลายอันสวยงามอยู่ในตัวเอง เมื่อนำมาสลักตกแต่งขัดเกลาด้วยฝีมือช่างที่ชำนาญก็จะยิ่งได้งานศิลป์ที่มีค่ามากยิ่งขึ้น
งานประติมากรรมสลักหินนั้นไม่ได้เพิ่งจะเริ่มก่อกำเนิดมาในยุคนี้ แต่ในทางกลับกันศาสตร์และศิลป์การใช้หินมาสร้างเป็นงานศิลปะที่มากด้วยคุณค่าแบบนี้มีมาเนิ่นนานมากแล้ว มีต้นกำเนิดอย่างไร มาอ่านเรื่องราวนี้ไปพร้อมๆกัน
ย้อนรอยประวัติศาสตร์การแกะสลักหิน
เมื่อทำการศึกษาย้อนกลับไปในโลกยุคโบราณ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มนุษย์พอจะหาได้ ก็จะพบว่ามนุษย์รู้จักการแกะสลักหินกันมานานมากแล้ว สำหรับในประเทศไทยเราเองศาสตร์การแกะสลักสร้างงานประติมากรรมจากหินมีมาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ทวารวดี ลพบุรี เรื่อยมาจนถึงยุคขอม และสืบต่อกันมาจนถึงสมัยล้านช้าง ดังที่จะได้เห็นจากหลักฐานประติมากรรมรูปเคารพทับหลัง ที่ปัจจุบันถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ หรือพระหินแกะสลักโบราณที่อยู่ตามวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าภูมิปัญญาในเรื่องของการแกะสลักหินนั้นเป็นสิ่งที่มีมาเนิ่นนาน และมีการส่งต่อองค์ความรู้ในเชิงช่างศิลป์แขนงนี้กันมาจากรุ่นสู่รุ่น
จากหินทรายสู่หินอ่อน
คนสมัยก่อนอาจจะยังไม่ได้รู้จักหินที่หลากหลายชนิดนัก ส่วนใหญ่ก็จะให้หินที่หาได้ตามพื้นถิ่น และการแกะสลักหินในสมัยโบราณก็จะใช้เป็นหินทรายเป็นหลัก เพราะเป็นหินที่เนื้อละเอียด มีความเหนียว สามารถแกะสลักรายละเอียดซับซ้อนได้ ในเวลาต่อมาเมื่อวิทยาการพัฒนาขึ้น เราก็ได้รู้จักคุณสมบัติของแกรนิตและหินอ่อน จึงนำหินเหล่านี้มาสร้างสรรค์งานศิลป์กันบ้าง และยิ่งกาลเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนว่าประติมากรรมหินอ่อนจะได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะธรรมชาติของหินชนิดนี้มีความสวยงามอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เมื่อนำมาสร้างเป็นงานประติมากรรม จึงทำให้ยิ่งดูสวยงามมีความลงตัว มีส่วนที่ความรู้สึกแข็งแกร่งมั่นคง ในขณะเดียวกันก็มีลวดลายที่อ่อนโยน ให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวลและพลิ้วไหวอยู่ในตัวด้วย
แต่ทว่าเนื้อหินอ่อนที่พบในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีความเปราะบาง ไม่เหมาะที่จะนำมาแกะสลักเป็นงานประติมากรรม เมื่อมีความต้องการงานในด้านนี้สูงขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีการนำเข้าหินอ่อนจากต่างประเทศที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานแกะสลักมากกว่า และด้วยต้องมีการนำเข้า บวกกับการแกะสลักหินประเภทนี้จะต้องใช้ช่างที่มีทักษะความชำนาญสูง งานถึงจะออกมาดูสวยงามกลมกลืน มีความแข็งอ่อนในหนึ่งเดียว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ในด้านราคาของงานแกะสลักหินประเภทนี้จึงค่อนข้างสูงอย่างที่เราพบในปัจจุบันนั่นเอง
งานประติมากรรมจากหินนั้นเป็นภูมิปัญญาและองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จริง ๆ แล้วถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรได้รับการพัฒนาส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เพราะหินแบบต่าง ๆ รวมไปถึงหินอ่อน เมื่อผ่านการปรับแต่งโดยช่างฝีมือที่มีทักษะสูง ก็จะก่อให้เกิดงานชิ้นใหม่ที่มากไปด้วยคุณค่าและมูลค่า สามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศได้นั่นเอง